วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

สรรพคุณ / ประโยชน์ของมะรุม =D


        ประโยชน์ของมะรุม
             - ชะลอความแก่ กล่าวกันว่ามะรุมมีฤทธิ์ชะลอความแก่ เนื่องจากยังไม่พบรายงานการวิจัยเกี่ยวกับมะรุมในด้านนี้ คาดว่าเป็นการสรุปเนื่องจากมะรุมมีสารฟลาโวนอยด์สำคัญคือ รูทินและเควอเซทิน (rutin  และ quercetin) สารลูทีนและกรดแคฟฟีโอลิลควินิก (lutein และcaffeoylquinic acids) ซึ่งต้านอนุมูลอิสระ ดูแลอวัยวะต่าง ๆ ได้แก่ จอประสาทตา ตับ และหลอดเลือดจากการเสื่อมสภาพตามอายุ การกินสารต้านอนุมูลอิสระชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกายได้
            - ฆ่าจุลินทรีย์ สารเบนซิลไทโอไซยาเนตไกลโคไซด์และเบนซิล-กลูโคซิโนเลตค้นพบในปี พ.ศ.2507 จากมะรุมมีฤทธิ์ต้านจุลชีพ สนับสนุนการใช้น้ำคั้นจากมะรุมหยอดหูแก้ปวดหู ปัจจุบันหลังจากการค้นพบแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหาร Helicobactor pylori กำลังมีการศึกษาสารจากมะรุมในการต้านเชื้อดังกล่าว
             - การป้องกันมะเร็ง สารเบนซิลไทโอไซยาเนตไกลโคไซด์ชนิดหนึ่งและสารไนอาซิไมซิน (niazimicin) จากมะรุมสามารถต้านการเกิดมะเร็งที่ถูกกระตุ้นโดยสารฟอบอลเอสเทอร์ในเซลล์ มะเร็งเม็ดเลือดขาวได้
             - ฤทธิ์ลดไขมันและคอเลสเทอรอล จากการทดลอง 120 วัน ให้กระต่ายกินฝักมะรุม วันละ 200 กรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัวต่อวันเทียบกับยาโลวาสแตทิน 6 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัวต่อวันและให้อาหารไขมันมาก


        สรรพคุณของมะรุม
             มะรุมในทางการแพทย์จะช่วยใช้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน ควบคุมภาวะความดันโลหิตสูงช่วยเพิ่มและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
             - ใบ ใช้ถอนพิษไข้ แก้เลือดออกตามไรฟัน แก้อักเสบ แก้แผล ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ขับปัสสาวะ ป้องกันมะเร็ง ลดความดันโลหิต
             - ยอดอ่อน ใช้ถอนพิษไข้
             - ดอก ใช้แก้ไข้หัวลม เป็นยาบำรุง ขับปัสสาวะ ขับน้ำตา ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ป้องกันมะเร็ง
             - ฝัก แก้ไข้ ป้องกันมะเร็ง ลดความดันโลหิต
             - เมล็ด เมล็ดปรุงเป็นยาแก้ไข้ แก้บวม แก้ปวดตามข้อ ป้องกันมะเร็ง
             - ราก รสเผ็ด หวาน ขม สรรพคุณ แก้อาการบวม บำรุงไฟธาตุ รักษาโรคหัวใจ รักษาโรคไขข้อ (rheumatism)
             - เปลือกลำต้น รสร้อน สรรพคุณขับลมในลำไส้ ทำให้ผายหรือเรอ คุมธาตุอ่อน ๆ แก้ลมอัมพาต ป้องกันมะเร็ง คุมกำเนิด เคี้ยวกินช่วยย่อยอาหาร
             - ยาง (gum) ฆ่าเชื้อไทฟอยด์ ซิฟิลิส (syphilis) แก้ปวดฟัน earache, asthma


ขอขอบคุณ : ข้อมูลจาก the-than ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต

สรรพคุณ / ประโยชน์ของตำลึง =D


        ประโยชน์ของตำลึง ใบดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ แก้ตัวร้อน ดับพิษฝี แก้ปวดแสบปวดร้อน แก้คัน ดอก แก้คัน เมล็ด ตำผสมน้ำมันมะพร้าวทาแก้หิด เถา ใช้น้ำจากเถาหยดตา แก้ตาฟาง ตาแดง ตาช้ำ ตาแฉะ พิษอักเสบในตา ดับพิษ แก้อักเสบ ชงกับน้ำดื่มแก้วิงเวียนศีรษะ ราก ดับพิษทั้งปวง แก้ตาฝ้า ลดไข้ แก้อาเจียน น้ำยาง ต้น ใบ ราก แก้โรคเบาหวาน หัว ดับพิษทั้งปวง
       สรรพคุณของตำลึง 
             - รักษาโรคเบาหวาน : ใช้เถาแก่ ๆ ประมาณ 1 กำมือ ต้มกับน้ำ หรือน้ำคั้นจากผลดิบ ดื่มวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น จะสามารถช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้
             - ลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ : ควรรับประทานสด ๆ เพราะเอนไซม์ในตำลึงจะย่อยสลายง่ายเมื่อโดนความร้อน
             - ลดอาการคัน อาการอักเสบเนื่องจากแมลงกัดต่อยและพืชมีพิษ : นำใบตำลึงสด 2-20 ใบ ตำให้ละเอียดผสมกับน้ำ คั้นเอาน้ำ ทาบริเวณที่เป็นจนกว่าจะหาย (ใช้ได้ดี สำหรับหมดคันไฟ หรือใบตำแย)
             - แผลอักเสบ : ใช้ใบหรือรากสด ตำพอกบริเวณที่เป็น
             - แก้งูสวัด, เริม : ใช้ใบสด 2 กำมือ ล้างให้สะอาด ผสมพิมเสนหรือดินสอพอง 1 ใน 4 ส่วน พอกหรือทาบริเวณที่เกิดอาการ
             - แก้ตาช้ำตาแดง : ตัดเถาเป็นท่อนยาวประมาณ 2 นิ้วนำมาคลึงพอช้ำ แล้วเป่า จะเกิดฟองใช้หยอดตา
             - ทำให้ใบหน้าเต่งตึง : นำยอดตำลึง 1/2 ถ้วย น้ำผึ้งแท้ 1/2 ถ้วย นำมาผสม ปั่นให้ละเอียด พอกหน้า ทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออก ทำทุกวันได้จะดีมาก


ขอขอบคุณ : ข้อมูลจาก the-than ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต

สรรพคุณ / ประโยชน์ของแครนเบอร์รี่ =D


        - แก้โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ แครนเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์ฆ่าแบคทีเรียจึงมีสรรพคุณต่อกรกับโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เนื่องจากในแครนเบอร์รี่มีสารหลายชนิดที่ช่วยหยุดการเกาะตัวของแบคทีเรียที่บริเวณผนังทางเดินปัสสาวะ คนที่เป็นโรคนี้ให้ดื่มน้ำแครนเบอร์รี่เข้มข้นไม่มีน้ำตาลแก้วละ 250 มิลลิลิตรทุกวัน วันละ 3 แก้ว ถ้าจิบวันละ 1 แก้วจะช่วยป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นโรคนี้ได้อีก หรือรับประทานอาหารเสริมที่มีสารสกัดจากแครนเบอร์รี่วันละ 800 มิลลิกรัมก็จะช่วยให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายแข็งแรง
        - ช่วยป้องกันโรคที่เกิดจากอากาศหนาว แครนเบอร์รี่มีวิตามินซีสูงจึงช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บที่มากับอากาศหนาวได้และยังเหมาะที่จะนำไปทำเครื่องดื่มประเภทสมูธตี้ผลไม้ นำส้มคั้นลูกขนาดกลางหนึ่งลูก เกรฟฟรุทครึ่งลูกคั้นเอาแต่น้ำใส่ในเครื่องปั่นเติมแครนเบอร์รี่ 2 กำมือและกล้วย 1 ผลลงไป ปั่นให้เข้ากัน ดื่มเพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทานและช่วยให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่าเหมือนอยู่ในฤดูร้อนที่แสนสดใส
        - ริมฝีปากเนียนนุ่มชุ่มชื่น แครนเบอร์รี่อุดมไปด้วยวิตามินซีที่ช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื่นจึงเหมาะที่จะนำไปทำเป็นลิปมัน เพื่อป้องกันริมฝีปากแห้งแตกในช่วงหน้าหนาว นำแครนเบอร์รี่ 10 ผลผสมกับน้ำมันสวีทอัลมอนด์ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา น้ำมันวิตามินอี 1 หยด ไปต้มจนเดือด นำส่วนผสมที่ได้ไปบดให้ละเอียดผ่านกระชอน เสร็จแล้วทิ้งไว้ให้เย็น นำมาทาเวลาปากแห้ง

ขอขอบคุณ : ข้อมูลจาก Health Plus ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

สรรพคุณ / ประโยชน์ของมะเขือเทศ =D



        - ใบหน้าเปล่งปลั่งสดชื่น กรดผลไม้ในมะเขือเทศมีสรรพคุณช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายให้หลุดลอกทำให้ผิวเปล่งปลั่ง นำมะเขือเทศขนาดปานกลาง 1 ผลไปบดให้ละเอียดด้วยเครื่องปั่น กรองด้วยผ้าขาวบางคั้นเอาน้ำเติมนมข้นจืดในปริมาณเท่ากับน้ำมะเขือเทศที่ได้นำส่วนผสมที่ได้มาลูบไล้ให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วล้างออก
        - ล้างพิษด้วยน้ำมะเขือเทศ มะเขือเทศอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินเอ ซี และอี ซึ่งช่วยเสริมสร้างพลังงานและขจัดสารพิษออกจากร่างกาย นำมะเขือเทศหั่นเป็นชิ้น ๆ จำนวน 450 กรัม น้ำมะนาว 2 ช้อนชาใส่ในเครื่องปั่น เติมเกลือและพริกไทยอีกประมาณหยิบมือปั่นส่วนผสมทั้งหมดจนเข้ากันดื่มเป็นประจำทุกเช้าจะช่วยให้ร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่า
        - ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ใครจะคิดบ้างว่าการกินซอสมะเขือเทศช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้ มะเขือเทศช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งที่ปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ปลายลำไส้ใหญ่และปลายทวารหนักได้ถึง 60% และยังช่วยลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งที่อัณฑะในเพศชาย มีหลักฐานระบุว่า มะเขือเทศปรุงสำเร็จรูปมีไลโคปีน (Iycopene) ซึ่งเป็นสารต้านมะเร็งอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นอย่าลืมให้ซอสมะเขือเทศเป็นส่วนหนึ่งในเครื่องปรุงอาหารของคุณ รู้อย่างนี้แล้วก็อย่ากินทิ้งขว้างเหยาะให้เกลี้ยงไม่ให้ติดเหลือก้นขวด
        - ลดการบวม โปแทสเซียมจำนวนมากในมะเขือเทศช่วยควบคุมสมดุลของเหลวในเซลล์และเนื้อเยื่อลดบวมตามร่างกายหรือที่เรียกว่าบวมน้ำ บรรเทาอาการอักเสบบวม อย่าลืมรับประทานสลัดที่มีมะเขือเทศเป็นอาหารมื้อต่อไปเพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหาร

ขอขอบคุณ : ข้อมูลจาก Health plus ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

สรรพคุณ / ประโยชน์ของข้าวกล้อง =D



        ข้าวกล้อง เป็นข้าวพันธุ์ใดก็ได้ที่ขัดสีเพียงครั้งเดียวทำให้ยังคงมีจมูกข้าวและเยื่อหุ้มเมล็ดข้าว (รำ) อยู่มาก ซึ่งจมูกข้าวและเยื่อหุ้มเมล็ดข้าวนี่เองที่ทำให้กล้องมีคุณประโยชน์พิเศษคือ นอกจากจะมีคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมันอิ่มตัวแล้ว ยังมีสารอาหารเหล่านี้อยู่สูงอีกด้วย
        - วิตามินบี 1 ช่วยป้องกันโรคเหน็บชาและช่วยในการทำงานของระบบประสาทในการบังคับกล้ามเนื้อ
        - วิตามินบี 2 ช่วยป้องกันโรคปากนกกระจอกและช่วยในการเผาผลาญอาหาร
        - ไนอะซิน ช่วยในการทำงานของระบบผิวหนังและระบบประสาท
        - แคลเซียม ฟอสฟอรัส ที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานของกระดูกและเหล็กซึ่งช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบเลือด
        - เส้นใยอาหาร ทำให้ขับถ่ายสะดวกและป้องกันการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่

ขอขอบคุณ : ข้อมูลจาก ชีวจิตขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

สรรพคุณ / ประโยชน์ของสตรอเบอร์รี่ =D



        - ดูแลสายตา ปัญหาเกี่ยวกับดวงตาส่วนใหญ่จะเกิดจากอนุมูลอิสระและการขาดสารอาหารบางชนิด และเมื่อเราอายุมากขึ้นดวงตาของเรายิ่งถูกทำร้ายได้ง่าย ซ้ำร้ายความแก่ชราจะทำให้กล้ามเนื้อดวงตาเสื่อมสภาพ แต่สตรอเบอร์รี่มีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินซี ฟลาโวนอยด์ กรดฟีโนลิก และกรดเอลลาจิก ซึ่งช่วยชะลอกระบวนการดังกล่าว แถมยังมีโพแทสเซียมซึ่งช่วยปรับความดันในตาให้เป็นปกติอีกด้วย
        - ป้องกันโรคข้ออักเสบและโรคเกาต์ เมื่อกล้ามเนื้อถูกใช้งานนาน ๆ เข้า กล้ามเนื้อของเราก็มีแต่จะถดถอยของเหลวบริเวณข้อต่อกระดูก็จะเหือดแห้งลงไปเรื่อย ๆ และร่างกายก็สะสมสารพิษอย่างกรดยูริกเอาไว้มากขึ้น ๆ ทำให้โรคข้ออักเสบและโรคเกาต์ถามหา แต่อย่าห่วงไปเพราะเราสามารถขับไล่โรคทั้งสองได้ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและสรรพคุณล้างพิษของสตรอเบอร์รี่
        - กำราบโรคมะเร็ง กินสตรอเบอร์รี่ทุกวันสิคะเซลล์มะเร็งและเนื้องอกต้องชิดซ้ายหลีกทางให้แก่สารต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินซี โฟเลต และแอนโธไชยานินส์ที่มีอยู่มากมายในสตรอเบอร์รี่
        - ส่งเสริมการทำงานของสมองยิ่งแก่ยิ่งขี้หลงขี้ลืมเพราะเนื้อเยื่อและเส้นประสาทในสมองเสื่อมสภาพจากอนุมูลอิสระตัวร้าย ซึ่งสตรอเบอร์รี่ช่วยได้เพราะมีวิตามินซี และไฟโตนิวเทรียนต์ ที่ทำให้อนุมูลอิสระหมดฤทธิ์ และคืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ระบบประสาทแถมยังมีไอโอดีนที่ทำให้สมองและระบบประสาททำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
        - ลดความดันโลหิต หากโซเดียมเป็นตัวการทำให้เกิดความดันโลหิตสูง สตรอเบอร์รี่ก็มีโพแทสเซียมและแมกนีเซียมที่ช่วยปรับความดันให้เป็นปกติค่ะ
        - ปราบโรคหัวใจ ใยอาหาร โฟเลต และสารต้านอนุมูลอิสระมากมายจะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย แถมวิตามินบีบางชนิดที่พบได้ในสตรอเบอร์รี่จะเสริมสร้างกล้ามเนื้อหัวใจให้แข็งแรงอีกด้วย

ขอขอบคุณ : ข้อมูลจาก Lisaขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

สรรพคุณ / ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ =D



        1. ช่วยในการชะลอความชรา
             - ช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระ
             - ป้องกันการเหี่ยวย่นของผิวหนัง
             - ป้องกันการเกิดกระและรอยคล้ำบนผิวหน้า
             - ป้องกันไม่ให้ผิวแห้ง กระด้าง
        2. ป้องกันผมหงอก น้ำมันมะพร้าวสามรถช่วยลดปริมาณการสูญเสียโปรตีนของเส้นผม เพราะน้ำมันมะพร้าวสามารถยึดเกาะกับโปรตีนของเส้นผมจึงช่วยเสริมความแข็งแรง โดยการรักษาความชื้น และลดรอยแตกแยกในเส้นผมได้ดี
        3. ช่วยป้องกันโรค การบริโภคน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำ(เลิกบริโภคน้ำมันไม่อิ่มตัว)จะช่วยแก้ สถานการณ์ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง อ่อนล้าของผู้สูงอายุ และสามารถลดโอกาสการเกิดโรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน ฯลฯ
        4. โรคอ้วน
             - ให้พลังงานน้อย
             - ช่วยนำไขมันที่สะสมไว้มาใช้เป็นพลังงานน้ำมันมะพร้าวยังไปเร่งอัตราการเผาผลาญอาหารให้เป็นพลังงาน
        5. กระตุ้นกิจกรรมทางเพศ
             - ใช้แทนสารหล่อลื่นธรรมชาติ น้ำมันมะพร้าวเป็นสารธรรมชาติที่มีสมบัติคล้ายสารหล่อลื่นในช่องคลอด
             - ใช้นวดเพื่อกระตุ้นความรู้สึกทางเพศ

ขอขอบคุณ : ข้อมูลจาก Lisa ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

สรรพคุณ / ประโยชน์ของสาหร่ายทะเล =D


        
        1. ไอโอดีน โดยปกติแล้วคนเราต้องการไอโอดีนประมาณ 0.1-0.3 มิลลิกรัมต่อวัน หากเทียบกับการกินสาหร่ายทะเลชนิดแผ่นขนาดกว้าง 2 เซนติเมตร ยาว 2 เซนติเมตร แค่นี้ก็เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวันและช่วยป้องกันโรคคอพอกได้
        2. ธาตุเหล็ก เป็นสารอาหารอีกชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในสาหร่ายทะเล ซึ่งช่วยบำรุงผิวพรรณให้ดูเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลรวมทั้งบำรุงเส้นผมให้ดกดำเป็นมันเงางามมากยิ่งขึ้น
        3. ทองแดง หน้าที่ดูดซึมธาตุเหล็กและสร้างฮีโมโกลบินที่ไขกระดูก หากร่างกายขาดธาตุนี้จะทำให้เป็นโรคโลหิตจางและผมร่วงง่าย
        4. สังกะสี เป็นส่วนประกอบของเอนไซม์หลายชนิดในร่างกายช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
        5. ใยอาหาร ช่วยเพิ่มปริมาณอุจจาระทำให้ท้องไม่ผูกและเร่งการขับถ่ายสารพิษต่างๆ ในทางเดินอาหาร
        6. อย่างไรก็ดี ถึงแม้คุณจะชอบสาหร่ายมากเพียงใดก็ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะในสาหร่ายมีปริมาณโซเดียมสูงผู้ที่เป็นโรคไตและความดันโลหิตสูงจึงควรระวัง
        7. สาหร่ายทะเลไม่เพียงอร่อย แต่ยังมากด้วยประโยชน์ ที่สำคัญมีราคาที่ไม่แพงนัก เห็นทีมื้อเที่ยงนี้ต้องมองหาสาหร่ายทะเลมาทำกับข้าวทานบ้างแล้ว

ขอขอบคุณ : ข้อมูลจาก ชีวจิต ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต

สรรพคุณ / ประโยชน์ของลูกพรุน =D


        
        - ในลูกพรุนจะประกอบไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายดังนี้ เหล็ก (Iron) เป็นส่วนประกอบที่ใช้ในการสังเคราะห์ฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าผู้หญิงเรานั้นในแต่ละเดือนต้องสูญเสียเลือดประจำเดือนไปเท่าไร ธาตุเหล็กจึงมีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ที่ขาดไม่ได้ ใครอยากมีเลือดฝาดอย่ามองข้ามลูกพรุน
        - วิตามิน B2 (Riboflavin) ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง กระบวนการสร้างช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์ โดยเฉพาะกับผิวหนัง เล็บและผม
        - แคลเซียม (Calcium) ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน รักษาระดับการเต้นของหัวใจ ช่วยระบบประสาทให้เป็นปกติ
        - วิตามิน C (Ascorbic Acid) สารต้านอนุมูลอิสระ (Anti-oxidant) เป็นส่วนประกอบพิเศษที่ช่วยป้องกันเซลล์จากการถูกทำลาย เมื่อเซลล์ถูกทำลายโอกาสการเป็นมะเร็งก็มีสูงขึ้น วิตามิน C มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ดังนั้นการที่ลูกพรุนมี Anti-oxidant ในปริมาณสูงจะช่วยทำให้ร่างกายและสมองแก่ตัวช้าลงและมีอัตราการเกิดโรคมะเร็งน้อยลงมีส่วนช่วยในกระบวนการสังเคราะห์เม็ดเลือดแดงช่วยให้ร่างกายต่อต้านแบคทีเรียได้ดียิ่งขึ้น
        - วิตามิน E เป็น Anti-oxidant ช่วยป้องกันการเกิดปฏิกิริยาของออกซิเจนที่ไม่สมบูรณ์ภายในร่างกาย ช่วยการไหลเวียนของโลหิต ช่วยยืดอายุของเม็ดเลือดแดงทำให้ผิวพรรณเนียนนุ่มชุ่มชื่น ไม่เหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร
        - ลูกพรุนนั้นอุดมไปด้วยกากใยหรือไฟเบอร์สูงมาก มีคุณสมบัติเป็นยาระบาย บรรเทาอาการท้องผูกได้อย่างปลอดภัยทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เป็นประโยชน์ทำให้ขับถ่ายได้คล่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งชีวิตปัจจุบันที่ฝากไว้กับอาหารถุง ซึ่งแทบจะไม่มีอะไรที่เป็นกากใยเลย

ขอขอบคุณ : ข้อมูลสมุนไพรไทยจาก starfashion ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

ประโยชน์ / สรรพคุณของชาเขียว =D


สรรพคุณของชาเขียว
        - มีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีประสิทธิภาพสูงในการทำลายอนุมูลอิสระมากกว่าวิตามินซีถึง 100 เท่า แต่ยังมีประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามินอีถึง 25 เท่า ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส ลดริ้วรอยก่อนวัยชะลอความชราและคงความเยาว์วัยได้ แบบนี้สาวๆ ต้องรีบหามาดื่มกันบ้างแล้วล่ะค่ะ
        - สารแคเทชินในชาเขียวสามารถลดระดับคอเลสเตอรอล และกำจัดปริมาณของคอเรสเตอรอลในลำไส้ และช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่พอดีอีกด้วย
        - สามารถเร่งอัตราการเผาผลาญอาหารและไขมัน เพราะชาเขียวช่วยให้แบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้มีประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้น จึงสามารถควบคุมน้ำหนัก จึงเหมาะกับสาวๆ ผู้คิดจะลดหุ่น
        - สร้างลมหายใจให้สดชื่น เพราะสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและทำลายจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุของโรคเหงือกและฟันต่างๆ ะสามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรียซึ่งทำให้ฟันผุได้ถึง 95%
        - ช่วยลดระดับ LDL คลอเรสเตอรอล และยับยั้งการก่อตัวแบบผิดปกติของก้อนเลือดซึ่งเป็นเหตุของอาการหัวใจวายและลมชัก
        - ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ของกล้ามเนื้อหัวใจและขยายผนังหลอดเลือด จึงทำให้ชาเขียวเหมาะสำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูงด้วย

ประโยชน์ของชาเขียว
        - สูตรน้ำแร่ชาเขียว สร้างความสดชื่นให้กับใบหน้าเหมาะกับสาวๆ เมืองร้อนอย่างบ้านเราเลยค่ะ แค่นำน้ำแร่มาต้มให้เดือดใส่ชาเขียวแบบผงหรือใบชาลงไปอาจเพิ่มใบสะระแหน่สักนิดแล้วทิ้งไว้ให้เย็น นำไปแช่ในตู้เย็นกรองเอาแต่น้ำแล้วเทใส่ขวดสเปรย์ นำมาฉีดบริเวณใบหน้าและลำคอเพิ่มความชุ่มชื่นสดใสไปตลอดวัน
        - สูตรถนอมผิวรอบดวงตาด้วยชาเขียว ต้มชาเขียวกับน้ำเดือดแล้วนำไปแช่ตู้เย็นให้เย็นจัด จากนั้นใช้สำลีชุบชาเขียวให้เปียกชุ่มนำมาวางบริเวณเปลือกตาทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง จะช่วยลดริ้วรอยของผิวรอบดวงตาและยังช่วยลดการบวมของเปลือกตาและถุงใต้ตา ผิวจะ นุ่มนวลและดูสดอ่อนเยาว์ขึ้น
        - สูตรลดน้ำหนัก ดื่มชาเขียว วันละ 3 แก้ว จะช่วยเร่งระบบการเผาผลาญพลังงานและไขมันของร่างกายได้

ขอขอบคุณ : ข้อมูลสมุนไพรไทยจาก ku.ac.th ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต